ประเภทของโรคโรคซึมเศร้า
โดยปกติภาวะซึมเศร้าเกิดขึ้นได้บางช่วงเวลา ถ้าหากคุณรู้สึกเศร้ามากกว่าปกติและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน คุณอาจกำลังเป็นโรคซึมเศร้า ทั้งนี้เราสามารถรักษาโรคด้วยการใช้ยา การเข้ารับคำปรึกษาและเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิต
โรคซึมเศร้ามีหลายประเภทแตกต่างกัน เหตุการณ์ในชีวิตของคุณอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน รวมถึงสารเคมีในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือสาเหตุอื่นๆ หรือบางครั้งอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าในช่วงวัยอายุ เช่นโรคซึมเศร้าในวัยรุ่นอาจพบได้ในเด็กที่ครอบครัวมีปัญหา หรือโรคซึมเศร้าในคนวัยชราเนื่องจากอยู่ห่างไกลจากลูกหลานก็เป็นได้
ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ขั้นตอนแรกแพทย์จำเป็นต้องทราบว่าคุณกำลังรู้สึกอย่างไร แพทย์อาจแนะนำให้คุณไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อช่วยวินิจฉัยว่าคุณมีภาวะซึมเศร้าประเภทใด ซึ่งการวินิจฉัยนี้สำคัญต่อการตัดสินใจเลือกวิธีรักษาที่เหมาะกับคุณ
สาเหตุของโรคซึมเศร้าและประเภท
โรคซึมเศร้าชนิดรุนแรง (Major Depression)
เราอาจเคยได้ยินคุณหมอพูดชื่อโรคซึมเศร้า คุณอาจเคยประสบกับภาวะดังกล่าว หากคุณรู้สึกหดหู่เกือบตลอดเวลาเกือบทั้งสัปดาห์
อาการอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้แก่:
● ไม่มีความสนใจหรือไม่ต้องการทำกิจกรรมต่างๆ
● น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้น
● มีปัญหาเกิดกับการนอนหลับหรือง่วงนอนตลอดทั้งวัน
● รู้สึกกระวนกระวายและตื่นเต้นหรือขี้เกียจและเฉื่อยชา โดยเป็นอาการที่แสดงออกทั้งร่างกายและสภาวะจิตใจ
● รู้สึกเหนื่อยและหมดแรง
● รู้สึกไร้ค่าหรือรู้สึกผิด
● มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้สมาธิหรือการตัดสินใจ
● มีความคิดถึงเรื่องฆ่าตัวตาย
แพทย์จะวินิจฉัยว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้า หากคุณมีอาการเหล่านี้ 5 อย่างหรือมากกว่าเป็นระยะเวลาเกือบทั้งวันหรือ 2 สัปดาห์ขึ้นไป
หากมีอาการอย่างน้อยหนึ่งอย่างต้องเป็นอาการหดหู่หรือไม่สนใจทำกิจกรรมใดๆ
การเข้ารับคำปรึกษาจากนักบำบัดสามารถช่วยได้ คุณสามารถไปพบจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่จะช่วยให้คุณหาวิธีการจัดการกับภาวะซึมเศร้าของคุณ นอกจากนี้การใช้ยาต้านซึมเศร้าสามารถช่วยได้เช่นกัน
เมื่อการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล มีทางเลือกอื่นๆได้แก่
● การรักษาด้วยการกระตุ้นไฟฟ้า (ECT)
● การกระตุ้นสมองด้วยสนามแม่เหล็ก(TMS)
● การกระตุ้นการทํางานของระบบประสาท (VNS)
วิธี ECT เป็นรักษาด้วยกระแสไฟฟ้ากระตุ้นสมอง ส่วนวิธี TMS เป็นการรักษาด้วยแม่เหล็กชนิดพิเศษและวิธี VNS เป็นการผ่าตัดปลูกฝังอุปกรณ์พิเศษ โดยวิธีการรักษาทุกประเภทถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองบางส่วน เพื่อช่วยทำให้สมองส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ทำงานดีขึ้น
โรคซึมเศร้าชนิดเรื้อรัง
ถ้าหากคุณมีอาการซึมเศร้ามากกว่า 2 ปีขึ้นไปจะเรียกว่าภาวะซึมเศร้าเรื้อรังเป็นคำศัพท์ที่ใช้อธิบาย
โรค 2 ประเภทที่เรียกว่า โรคซึมเศร้าแบบดิสทีเมีย และโรคซึมเศร้าชนิดรุนเเรง
อาจมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ได้แก่
● ความอยากอาหารเปลี่ยนไป (ทานอาหารน้อยลงหรือมากเกินไป)
● นอนหลับมากหรือน้อยเกินไป
● ไม่มีแรงหรือเหนื่อยล้า
● ความภูมิใจในตัวเองต่ำ
● มีปัญหาด้านการใช้สมาธิหรือตัดสินใจ
● รู้สึกสิ้นหวัง
โรคซึมเศร้าประเภทนี้สามารถรักษาด้วยการบำบัดจิต การใช้ยาหรือใช้วิธีทั้งสองอย่างควบคู่กัน
โรคไบโพลาร์
บางคนอาจเป็นโรคไบโพลาร์หรือบางครั้งเรียกว่า “Manic depression” เป็นโรคมีลักษณะอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรน โดยมีช่วงอารมณ์ดีมากไปจนถึงเศร้ามาสลับกัน
หากกำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ที่หดหู่หมายความว่ากำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้า
การใช้ยาสามารถช่วยปรับภาวะอารมณ์ที่แปรปรวนเพื่อให้สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงอารมณ์ดีหรือหดหู่ก็ตาม แพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาปรับสมดุลอารมณ์อย่างเช่น ยา lithium เป็นต้น
ยาที่ผ่านการรับรองจากองค์กร FDA สำหรับใช้รักษาภาวะซึมเศร้าได้แก่
● ยา Seroquel
● ยา Latuda
● ยา Olanzapine-fluoxetine
บางครั้งแพทย์อาจสั่งยานอกข้อบ่งใช้ให้กับผู้ที่มีอาการไบโพลาร์เช่น ยากันชักหรือยาต้านอาการทางจิต
โดยปกติแพทย์ไม่แนะนำให้ใช้ยาต้านอาการซึมเศร้าเป็นการรักษาโรคไบโพลาร์ขั้นเริ่มต้นเสมอไป เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยที่พิสูจน์ได้ว่ายาต้านซึมเศร้าช่วยรักษาได้ดีกว่ายาหลอก (ก้อนน้ำตาล)
นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีอาการไบโพลาร์ไม่รุนแรง บางครั้งยาต้านซึมเศร้าอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดช่วงอารมณ์พลุกพล่านได้หรือเพิ่มอัตราของการเกิดภาวะอารมณ์แปรปรวนในแต่ช่วงให้เร็วขึ้น
สำหรับการบำบัดจิตจำเป็นอาศัยความช่วยเหลือจากครอบครัวด้วยเช่นกัน
โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล (SAD)
หมายถึงภาวะซึมเศร้าที่เกิดขึ้นตามช่วงฤดูกาล ส่วนใหญ่มักเกิดในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่ระยะเวลากลางวันสั้นกว่ากลางคืนทำให้คุณอาจได้สัมผัสกับแสงแดดน้อยลง โดยปกติแล้วภาวะซึมเศร้าจะหายไปเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน
ถ้าหากคุณมีอาการซึมเศร้าตามฤดูกาล ยาต้านซึมเศร้าสามารถช่วยได้ นอกจากนี้สามารถใช้แสงแดดบำบัดได้เช่นกัน โดยคุณสามารถนั่งอยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงตัวเป็นเวลา 15-30 นาทีต่อวัน
โรคซึมเศร้าชนิดวิกลจริต
ผู้ที่มีอาการทางจิตที่ผิดปกติจะมีอาการของโรคซึมเศร้าร่วมกับอาการ “วิกลจริต” ซึ่งได้แก่
● เห็นภาพหลอน (มองเห็นภาพของสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
● อาการหลงผิด (มีความเชื่อที่ผิด)
● โรคจิตหวาดระแวง (มีความเชื่อที่ผิดว่าผู้อื่นจะทำร้ายตนเอง)
การรักษาด้วยยาต้านอาการซึมเศร้าและยาต้านอาการทางจิตสามารถช่วยรักษาโรคซึมเศร้าชนิดนี้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีกระตุ้นสมองด้วยกระแสไฟฟ้า (ECT) ได้เช่นกัน
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดบุตร (Postpartum)
ผู้หญิงที่คลอดบุตรจะมีอาการซึมเศร้าในช่วงหลายสัปดาห์และเดือนหลังจากคลอดบุตร แพทย์แนะนำให้ใช้ยาต้านซึมเศร้าที่ช่วยรักษาอาการซึมเศร้าหลังคลอด
กลุ่มอาการซึมเศร้าก่อนมีประจำเดือน (PMDD)
ผู้หญิงที่มีอาการหดหู่ก่อนมีประจำเดือนและช่วงเริ่มมีประจำเดือน
นอกจากอารมณ์ซึมเศร้าแล้ว คุณอาจมีอาการเล่านี้ร่วมด้วยได้แก่
● อารมณ์แปรปรวน
● หงุดหงิด
● วิตกกังวล
● มีปัญหากับการใช้สมาธิ
● เหนื่อยล้าหมดแรง
● มีพฤติกรรมการทานอาหารหรือนอนหลับที่ผิดปกติ
● รู้สึกหดหู่มากเกินไป
ยาต้านซึมเศร้าหรือยาคุมกำเนิดสามารถใช้รักษาภาวะซึมเศร้าก่อนมีประจำเดือนเช่นกัน
ภาวะซึมเศร้าเนื่องจากสถานการณ์ร้ายแรงเป็นตัวกระตุ้น
คำศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่าอาการจิตเวช ผู้ที่มีอาการนี้จะมีอารมณ์ซึมเศร้า เมื่อคุณมีปัญหากับการจัดการอารมณ์ในขณะที่ประสบกับเหตุการ์ตึงเครียดในชีวิตเช่น การเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว หย่าร้างหรือตกงาน แพทย์อาจเรียกว่า “การตอบสนองต่อความเครียดทางสรีรวิทยา”
การรักษาฟื้นฟูสุขภาพจิตช่วงบำบัดจิตในช่วงที่มีอารมณ์หดหู่ช่วยรักษาสภาวะอารมณ์ในสถานการณ์ตึงเครียดให้ดีขึ้น
อาการซึมเศร้าผิดปกติ
ภาวะซึมเศร้าประเภทนี้แตกต่างจากภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง หากมีอาการซึมเศร้าประเภทนี้ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีสามารถช่วยรักษาได้
อาการอื่นๆได้แก่
● มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น
● นอนหลับมากกว่าปกติ
● รู้สึกแขนหรือขาหนัก
● อ่อนไหวต่อคำวิจารณ์
สำหรับการรักษายาต้านซึมเศร้าสามารถช่วยได้เช่นกัน นอกจากนี้แพทย์ยังแนะนำให้ใช้ยากลุ่ม SSRI สำหรับการรักษาในระยะแรก
บางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาต้านซึมเศร้าชนิดที่เก่ากว่ามีชื่อเรียกว่า MAOI เป็นยาต้านซึมเศร้าที่มีการศึกษาวิจัยพิสูจน์ว่าช่วยรักษาภาวะซึมเศร้าชนิดนี้ได้
วิธีรักษาโรคซึมเศร้าด้วยตัวเองง่าย ๆ
มีหลากหลายวิธีที่สามารถรักษาโรคซึมเศร้าด้วยตัวเองง่าย ๆ หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงมาก โดยวิธีเหล่านั้นมีดังนี้
● นั่งสมาธิ
● หางานอดิเรกที่ชอบทำ
● ท่องเที่ยวเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ ๆ
● ออกกำลังกาย
● ปรึกษากับเพื่อนที่ไว้ใจได้ถึงเรื่องต่าง ๆ
● หรือเข้ารับการบำบัดโดยจิตแพทย์
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
● https://www.nimh.nih.gov/health/topics/depression/index.shtml
● https://www.webmd.com/depression/default.htm
● https://www.nhs.uk/conditions/clinical-depression/
Leave a Reply